การเตรียมพื้นให้พร้อมก่อนการติดตั้งพื้นไม้ จะช่วยลดอุปสรรค และปัญหาในการติดตั้ง และช่วยให้พื้นไม้คงทนอยู่ได้ยาวนาน
1. ตรวจสอบความชื้นของพื้นที่จะปูพื้นไม้ทับลงไป (Sub Floor) ควรมีความชื้นน้อยที่สุด เพราะหากมีความชื้นอยู่ภายหลังติดตั้งพื้นไม้ไปแล้ว ความชื้นจะดันพื้นไม้ขึ้นมาด้านบน ซึ่งจะทำให้ไม้บวม และขึ้นขอบ เสียหาย และหากมีความชื้นมากเกินไปจะทำให้เกิดเชื้อราได้
ความชื้นในคอนกรีตที่เหมาะสมสำหรับการปูพื้นไม้ ควรไม่เกิน 2 - 3% H20 และความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศควรอยู่ระหว่าง 30 - 60% พื้นชั้นที่ 1 ต้องไม่ติดกับพื้นดิน โดยเฉพาะบ้านในกทม. ภาคกลาง และชายฝั่ง เพราะจะทำให้ความชื้นซึมผ่านปูนขึ้นมาภายหลังได้ ควรมีระยะห่างจากพื้นปูนกับพื้นดินอย่างน้อย 20 ซม. เพื่อให้อากาศและความชื้นถ่ายเทได้
2. ตรวจสอบความเรียบ ได้ระดับ รวมถึงอุปสรรคต่างๆบนพื้น ควรมีความสูงต่ำบวกลบไม่เกิน 3 มิลลิเมตร ให้สังเกตระดับเป็นพิเศษ บริเวณประตู บันได และมุมห้อง ซึ่งจะทำให้คลิกของพื้นไม้ไม่สนิทกัน หรือเผยอภายหลังได้ และไม่มีขี้ปูน, เหล็กเส้น, ท่อที่เป็นอุปสรรคในการติดตั้ง พื้นที่ติดตั้งต้องไม่เป็นพื้นลาดเอียง
3. ตรวจสอบสมบัติพื้นเดิมที่จะปูพื้นไม้ทับ (Sub Floor) กรณีไม่ใช่พื้นคอนกรีต
3.1 หากพื้นเดิมเป็นพื้นปาร์เก้ ให้ตรวจสอบความเรียบของปาร์เก้เดิม ตรวจสอบปัญหาเรื่องการร่อน หรือความชื้น หากพบปัญหา ควรรื้อปาร์เก้เดิม เพื่อติดพื้นไม้ใหม่
3.2 หากพื้นเดิมเป็นพื้นไม้ลามิเนต พื้นไม้ลามิเนตเดิมติดตั้งแบบลอยตัว เพื่อให้พื้นไม้ลามิเนตเคลื่อนไหว ขยายตัวและหดตัวได้ ควรรื้อพื้นไม้ลามิเนตเดิม เพื่อติดตั้งพื้นใหม่
3.3 หากพื้นเดิมเป็นพื้นกระเบื้องยาง ให้ตรวจสอบความเรียบของพื้นกระเบื้องยางเดิม ตรวจสอบปัญหาเรื่องการร่อน หรือความชื้น หากพบปัญหา ควรรื้อพื้นกระเบื้องยางเดิม เพื่อติดพื้นไม้ใหม่
3.4 หากพื้นเดิมเป็นพรม พื้นพรมมีลักษณะอ่อนนุ่ม และเก็บความชื้นได้ ควรรื้อพรม เพื่อติดตั้งพื้นไม้ใหม่
3.5 หากพื้นเดิมเป็นหินอ่อน ให้ตรวจสอบความชื้นจากหินอ่อน หากพบความชื้นมาก ควรแก้ปัญหาความชื้นก่อนติดตั้งพื้นไม้ใหม่
3.6 หากพื้นเดิมเป็นกระเบื้อง ปรกติหากพื้นกระเบื้องเรียบ ได้ระดับ จะสามารถติดตั้งพื้นไม้ได้เลย ยกเว้นกรณีต้องการติดตั้งพื้นกระเบื้องยางลายไม้แบบปูกาว ให้ยาแนวร่องกระเบื้องให้เรียบร้อยก่อน
4. ตรวจสอบผนัง หากแนวผนังไม่ตรง จะทำให้ติดบัวเชิงผนังเบี้ยวไปตามผนัง
5. ตรวจสอบแนวการปู และรูปแบบลายการปู แนวการปูพื้นไม้ควรไปแนวทางเดียวกับแสง ไม่ขวางแสง และจะทำให้ห้องดูกว้าง และเลือกรูปแบบลายการปูพื้นไม้ โดยทั่วไปได้แก่ลาย Random และลายก่ออิฐ (Brick) ซึ่งจำนวนเศษไม้สูญเสียจะต่างกัน
